กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

กู่สันตรัตน์ หรือชื่อเดิมว่า “กู่บ้านกู่” เป็นปราสาทอโรคยศาลา ประจำชุมชน (สุรุก) โบราณ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็น “สถานพยาบาลแห่งพระพุทธเจ้า” กู่สันตรัตน์ตั้งอยู่ที่ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาดูน ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 4 กิโลเมตร

อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม

ประวัติของ อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๗ ศูนย์บริการเกษตรกรรมเคลื่อนที่และกรมชลประทาน ได้ขุดลอกเป็นคุ้งน้ำตามแนวเดิมทีกว้างที่สุดประมาณ ๑๒๐ เมตร ลึกจากผิวดิน ๑๐ เมตร โค้งเป็นรูปเกือกมายาวประมาณ ๘๐๐ เมตร มีความจุน้ำประมาณ ๙๖๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ด้านทิศตะวันตกมีทางน้ำธรรมชาติ ไหลล้นลง๗ูลำน้ำg รอบกุดด้านทิศเหนือมีหมู่บ้านโขงกุดหวายตั้งอยู่ ประชากรเป็นคนไทยลาวและไทยโคราช

ศาลหลักเมืองมหาสารคาม

ศาลหลักเมืองมหาสารคามตั้งอยู่ถนนหน้าโรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่แทบทุกคนจะต้องผ่านอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งคนที่เดินทางไกลจาก กทม. ผ่านมหาสารคามไปยังกาฬสินธุ์-สกลนคร-นครพนม-ขอนแก่น ก็จะต้องผ่านหน้าศาลหลักเมืองมหาสารคามด้วย...

พระธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวแห่งพุทธมณฑลอีสาน ที่ตั้งอยู่บ้านนาดูน เขตอำเภอนาดูน จ.มหาสารคาม เป็นเขตที่มีการขุดพบที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น

อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม

จังหวัดมหาสารคามเป็นแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย และเป็นจังหวัดเดียวของภาคอีสานที่ไม่มีภูเขาเลย อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจานจึงได้ถูกใช้ให้เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคุมไปกับเป็นแหล่งน้ำที่ใ้ช้ในการประมง การเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมี สวนสุขภาพแก่งเลิงจานที่กว้าง โล่ง ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนและการออกกำลังกาย แต่ตอนนี้ อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจานได้รับการปรับปรุงพื้นที่ อาจยังไม่น่าสนใจมากนัก แต่ก็มีสวนสุขภาพที่ยังให้ความร่มรื่นและน่าออกกำลังกายอยู่ หากใครมีเวลาก็น่าไปพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาธรรมชาติแถบนี้ดูอาจจะไม่ผิดหวังเลย

วนอุทยานโกสัมพี อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

แหล่งท่องเที่ยวอีกที่หนึงที่อยากจะแนะนำของ จังหวัดมหาสารคาม วนอุทยานโกสัมพี มหาสารคาม นับได้ว่าเป็น แหล่งท่องเที่ยว อีกสถานที่หนึ่งของ จังหวัดมหาสารคาม แหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานโกสัมพี ได้รับการประกาศ จัดตั้งเป็นวนอุทยานฯ อย่างเป็นทางการ โดยกรมป่าไม้ ในวันที่ 1 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2519 กับพื้นที่มากกว่า 125 ไร่ วนอุทยานโกสัมพี อยู่ในเขตการปกครอง ของท้องที่หมู่ 1 ตำบลหัวขวาง เขตสุขาภิบาล อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม...

Tuesday, December 30, 2014

พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดมหาชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม

พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดมหาชัย จ.มหาสารคาม เกิดจากเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗  พระอริยานุวัตร เจ้าอาวาสวัดมหาชัย  ได้เห็นชาวต่างชาติได้มาขอซื้อของเก่าแก่ และวัตถุโบราณจากชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    เมื่อท่านเห็นเช่นนั้นจึงได้เข้าปรึกษาคุณบุญช่วย อัตถากร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม  คุณบุญช่วยได้ถวายรถยนตร์ให้ทางวัด ๑ คันเพื่อใช้เป็นพาหนะช่วยเก็บโบราณวัตถุและของเก่าแก่จากหมู่บ้าน, วัดและตามแหล่งต่างๆ มารวบรวมไว้ที่วัด จากนั้นได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ชื่อว่า "ศูนย์อนุรักษ์โบราณคดี”  ต่อมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้นคือนายกิตติ ประทุมแก้ว ได้เห็นความสำคัญจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ขึ้น โดยมีพระอริยานุวัตร (อารีย์ เขมจารี) เป็นประธาน, หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นกรรมการ, พระปลัดอุทัย อุทโย (พระครูปลัด)ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ, อาจารย์อัมพร สุขเกษม อาจารย์ผ่าน วงศ์อ้วน และอาจารย์บุญ ชมพู เป็นผู้ช่วยเลขานุการ  ร่วมกันจัดหางบประมาณก่อสร้างอาคารจัตุรมุข ๑ หลังและจัดหาวัสดุอุปกรณ์, โบราณวัตถุ พร้อมทั้งเอกสารโบราณต่างๆ มาเก็บรวบรวมไว้ที่วัดมหาชัย  จึงทำให้วัดมหาชัยเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ผู้สนใจสามารถมาศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เกี่ยวกับวัตถุโบราณมรดกของชาติไทยเหล่านั้น และให้คนไทยได้ตระหนักและเกิดความหวงแหนใจสมบัติอันเก่าแก่และมีคุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติไทย



































































































































Comments:

Monday, December 29, 2014

อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม

ประวัติของ อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๗ ศูนย์บริการเกษตรกรรมเคลื่อนที่และกรมชลประทาน ได้ขุดลอกเป็นคุ้งน้ำตามแนวเดิมทีกว้างที่สุดประมาณ ๑๒๐ เมตร ลึกจากผิวดิน ๑๐ เมตร โค้งเป็นรูปเกือกมายาวประมาณ ๘๐๐ เมตร มีความจุน้ำประมาณ ๙๖๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ด้านทิศตะวันตกมีทางน้ำธรรมชาติ ไหลล้นลง๗ูลำน้ำg รอบกุดด้านทิศเหนือมีหมู่บ้านโขงกุดหวายตั้งอยู่ ประชากรเป็นคนไทยลาวและไทยโคราช
          พุทธศักราช ๒๕๓๗ ประมาณเดือนตุลาคมเกิดน้ำหลากท่วมสองฝังลำน้ำชีทะลักเข้าโขงกุดหวาย และไหลลงแม่น้ำมูล แม่น้ำโขงตามลำดับ ฝูงปลาเผาะ เป็นตระกูลปลาสวายชาวอีสานบางส่วนเรียกว่าปลาซวย ปลาวังก็มี สำหรับปลาเผาะนี้อาศัยอยู่ตามแม่น้ำโขง และปากแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง เช่น ปากแม่น้ำมูล ได้รวมกันเป็นฝูงว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นมา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจเป็นเพราะว่าแก่งตะนะ ซึ่งเป็นแก่งและซอกหินที่เคยอาศัย ถูกระเบิดเพื่อสร้างเขื่อนปากมูล ปลาเหล่านี้ไม่มีที่อาศัยจึงแตกตื่นทวนกระแสน้ำขึ้นมารวมกับปลาเลี้ยงทีน้ำท่วมบ่อ เช่น ปลาตะเพียน ยี่สก นิล ไน ได้มารวมกันอยู่ ในโขงกุดหวายจำนวนมาก โดยเฉพาะปลาเผาไม่มากกว่าชนิดอื่น และเป็นปลาขนาดใหญ่ปัจจุบันลำตัวยาวประมาณ ๒ ศอก ชอบว่ายเหนือน้ำตามกินอาหารจากคนไปเทียวชม
          เมื่อรวมปลาชนิดต่าง ๆ แล้วมีประมาณหลายแสนตัว ชาวบ้านถือเป็นโอกาสดี จึงร่วมกันปิดกั้นทางน้ำมิให้ไหลลงลำน้ำชี ต่อมาทางราชการได้เสริมคันดินให้แข็งแรงโดยมีความยาว ๓๐ เมตร สันคันดินกว้าง ๘ เมตร และร่วมกันตั้งชื่อว่า อุทยานมัจฉา การดำเนินงานในอุทยานใช้วัฒนธรรมนำการพัฒนา ทุกคนในหมู่บ้านร่วมมือกันโดยมีวัดในพุทธศาสนาเป็น ศูนย์กลาง

          ภายในวัดก็จะมีสัตว์ที่ชาวบ้านนำมาวัดช่วยเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น จระเข้ สุนัขจิ้งจอก ลิง เยี่ยว กระต่าย นก และหนูตะเพา ฯลฯ และยังมี พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน อีกด้วย และได้จัดทำโครงการอนุรักษ์ปลาหน้าวัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50ปี ห้ามจับสัตว์น้ำ หรือทำการประมงในที่รักษาพืชพันธ์ ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ




























































































































Comments:

กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

กู่สันตรัตน์ หรือชื่อเดิมว่า “กู่บ้านกู่” เป็นปราสาทอโรคยศาลา ประจำชุมชน (สุรุก) โบราณ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็น  “สถานพยาบาลแห่งพระพุทธเจ้า” กู่สันตรัตน์ตั้งอยู่ที่ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาดูน  ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 4 กิโลเมตร สร้างด้วยศิลาแลงเป็นศิลปะขอมแบบ บายน มีรูปลักษณะปราสาทหินที่มีปรางค์ประธานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัตมีมุขด้านหน้ายื่นไปทางทิศตะวันออก  มีบรรณาลัยซึ่งเป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนาตั้งอยู่ทางทิศตะวันนออกเฉียงใต้หันหน้าเข้าหาปรางค์ประธาน อาคารทั้ง 2 ล้อมด้วยกำแพงศิลาแลงซึ่งสร้างยังไม่เสร็จเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง กู่สันตรัตน์สร้างขึ้นมาด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐานรูปเคารพสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นโรคยาศาล คือเป็นที่พักรักษาพยาบาลคนเจ็บป่วยอีกด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเคยเสด็จทอดพระเนตร และทรงเยี่ยมราษฎรที่กู่สันตรัตน์แห่งนี้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2514

























































































Comments:

Sunday, December 28, 2014

หาดวังโก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

หาดวังโก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นหาดทรายธรรมชาติ ที่เพิ่งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่ อ.ท่าเดื่อ ต.หนองบอน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม หาดวังโก เกิดจากธรรมชาติของแม่น้ำที่น้ำไหลผ่านโค้งน้ำ ตะกอนทรายจะไหลไปทับถมเกิดเป็นหาดทรายโดยธรรมชาติ หาดวังโกก็เช่นเดียวกันตั้งอยู่บนโค้งของแม่น้ำชีซึ่งยาวประมาณ 1 กม. หัวท้ายของหาดถูกกั้นไว้ด้วยแก่งทั้งสองด้าน ด้านซ้ายมือเรียกว่า แก่งบ้านห้วยและขวามือเรียก แก่งท่าเตาดิน ทั้งสองแก่งทำหน้าที่เหมือนฝายทดน้ำธรรมชาติ (ลักษณะของแก่งทั้งสองจะเหมือนกัน กล่าวคือ จะเป็นลานหินทอดยาวขวางแม่น้ำชี) ในฤดูแล้งทั้งสองแก่งก็จะทำหน้าที่ฝายธรรมชาติกั้นน้ำไว้ทำให้แม่น้ำชีบริเวณหาดวังโกยังมีปริมาณน้ำเหลือเฟือ พอจะทำให้นักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำได้
























































































Comments:

Friday, December 26, 2014

พระพุทธมงคล พระพุทธมิ่งเมือง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

พระพุทธมงคล พระพุทธมิ่งเมือง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอยู่ 2 องค์ คือ พระพุทธมิ่งเมือง (วัดสุวรรณาวาส) และพระพุทธมงคลเมือง (วัดพุทธมงคล) โดยทั้งสององค์นี้ ชาวบ้านมักนิยมเรียกกันว่า หลวงพ่อพระยืน ปางสรงน้ำ

มีความสูงตลอดองค์ประมาณ 8 ศอก กว้าง 2 ศอก พระเนตรและเนื้อองค์พระสร้างด้วยศิลาแลงอย่างดีเป็นพระพุทธรูปที่นิยมสร้าง ในสมัยขอม ก่อนยุคสุโขทัย หลวงพ่อพระยืนทั้งสององค์ผินพระพักตร์ไปทางทิศใต้ และอยู่ห่างกันประมาณ 1.250 เมตร

ข้อมูลการเดินทางวิ่งไปตามเส้นทาง มหาสารคาม-อำเภอกันทรวิชัย–กาฬสินธุ์ วัดพุทธมงคล และพระพุทธรูปยืนมงคล จะอยู่ขวามือถ้าเรามุ่งหน้าไปกาฬสินธุ์ จะอยู่ก่อนถึงอำเภอกันทรวิชัย และเมื่อเดินทางโดยใช้เส้นทางเดิม เข้าอำเภอกันทรวิชัย พระพุทธรูปมิ่งเมือง หรือพระพุทธรูปสุวรรณมาลี และวัดสุวรรณาวาส จะอยู่ซ้ายมือ ใกล้ตลาดอำเภอกันทรวิชัย












Comments:

วนอุทยานโกสัมพี อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

แหล่งท่องเที่ยวอีกที่หนึงที่อยากจะแนะนำของ จังหวัดมหาสารคาม วนอุทยานโกสัมพี มหาสารคาม นับได้ว่าเป็น แหล่งท่องเที่ยว อีกสถานที่หนึ่งของ จังหวัดมหาสารคาม แหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานโกสัมพี ได้รับการประกาศ จัดตั้งเป็นวนอุทยานฯ อย่างเป็นทางการ โดยกรมป่าไม้ ในวันที่ 1 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2519 กับพื้นที่มากกว่า 125 ไร่ วนอุทยานโกสัมพี อยู่ในเขตการปกครอง ของท้องที่หมู่ 1 ตำบลหัวขวาง เขตสุขาภิบาล อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
ลักษณะทางภูมิประเทศ ของแหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานโกสัมพี จะเป็นป่าหนองบุ้ง มีลักษณะเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ มีพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น ตะเคียนทอง มะค่าโมง ตะแบกใหญ่ และพันธุ์ไม้อีกมากกมาย ในที่ราบลุ่มแม่น้ำชี ทำให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของ สัตว์ป่านานาชนิด อาทิเช่น ลิง นกสาลิกา นกกางเขนบ้าน นกเอี้ยงหงอน นกปรอดหัวโขน นกกิ้งโค้ง ฯลฯ
พืชพรรณและสัตว์ป่า มีพรรณไม้หลายชนิดส่วนใหญ่ที่สำคัญได้แก่ กะเบา ยาง ชมพู่ป่า หว้า ทองกวาว กระโดดสำหรับไม้พื้นล่างส่วนใหญ่ ได้แก่ เถาวัลย์เปรียง หวาย ตดตะกั่ว มะดัน นมแมว คัดเค้า และไม้ไผ่ นอกจากนั้นยังมีต้นจามจุรี หรือก้ามปู ซึ่งชาวบ้านนำไปปลูกไว้ นอกจากจะมีพรรณไม้ดังกล่าวมาแล้ว ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้มีค่านานาชนิด อาทิเช่น มะค่าโมง ตะเคียนทอง ตะแบกใหญ่ เป็นต้น
สัตว์ป่าที่ยังมีเหลืออยู่ในปัจจุบันที่สำคัญได้แก่ ลิง ซึ่งมีอยู่ 2 ฝูง จำนวนประมาณ 500 ตัว และยังมีนกกางเขนบ้าน นกกิ้งโค้ง นกสาริกา นกเอี้ยงหงอน นกปรอดสวน นกปรอดหัวโขน นกอีเสือหัวดำ และพวกนกกระจิบธรรมดา
ป่าหนองบุ้ง  เป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติและมีศาลเจ้าปู่ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชานับถือของชาวบ้านท้องถิ่นเป็นคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอโกสุมพิสัยมาตั้งแต่เดิม และยังเป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติที่อยู่ใกล้ชุมชนที่สุดแห่งหนึ่งและยังมีลิงวอกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นลิงวอกชนิดเดียวกับลิงวอกที่อยู่ในศาลพระกาฬ จังหวัดลพบุรี ต่อมากรมป่าไม้จึงได้ทำการสำรวจพื้นที่และจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้เพื่อศึกษาและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ชอบการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ธรรมชาติ วนอุทยานโกสัมพี น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด การท่องเที่ยว ที่ป่าหนองบุ้ง ในวนอุทยานโกสัมพี นักท่องเที่ยวจะได้เห็น ชีวิตการเป็นอยู่ ของสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด โดยเฉพาะลิงวอก ที่มีมากกว่า 500 ตัว เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว ในเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการศึกษา อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเป็นสถานที่ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาว จังหวัดมหาสารคาม และประชาชนทั่วไป

























































































Comments:

Thursday, December 25, 2014

อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจาน ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม

จังหวัดมหาสารคามเป็นแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย และเป็นจังหวัดเดียวของภาคอีสานที่ไม่มีภูเขาเลย อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจานจึงได้ถูกใช้ให้เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ควบคุมไปกับเป็นแหล่งน้ำที่ใ้ช้ในการประมง การเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมี สวนสุขภาพแก่งเลิงจานที่กว้าง โล่ง ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนและการออกกำลังกาย
แต่ตอนนี้ อ่างเก็บน้ำแก่งเลิงจานได้รับการปรับปรุงพื้นที่ อาจยังไม่น่าสนใจมากนัก แต่ก็มีสวนสุขภาพที่ยังให้ความร่มรื่นและน่าออกกำลังกายอยู่  หากใครมีเวลาก็น่าไปพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาธรรมชาติแถบนี้ดูอาจจะไม่ผิดหวังเลย























































































Comments:

พระธาตุนาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวแห่งพุทธมณฑลอีสาน ที่ตั้งอยู่บ้านนาดูน เขตอำเภอนาดูน จ.มหาสารคาม เป็นเขตที่มีการขุดพบที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่นและที่สำคัญยิ่งก็คือการขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 13-15 สมัยทวาราวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดำเนินการ ก่อสร้างพระธาตุนาดูน ขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยบริเวณรอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนา และวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ซึ่งตกแต่งให้เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา การเดินทางไปได้จากตัวเมือง มหาสารคาม โดยใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ผ่านอำเภอแกดำ อำเภอวาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทาง 2045 ถึงอำเภอนาดูน ทางลาดยางตลอด ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 65 กม.

























































Comments:

ศาลหลักเมืองมหาสารคาม

ศาลหลักเมืองมหาสารคามตั้งอยู่ถนนหน้าโรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่แทบทุกคนจะต้องผ่านอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งคนที่เดินทางไกลจาก กทม. ผ่านมหาสารคามไปยังกาฬสินธุ์-สกลนคร-นครพนม-ขอนแก่น ก็จะต้องผ่านหน้าศาลหลักเมืองมหาสารคามด้วย ศาลหลักเมืองมหาสารคาม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2408 เมื่อท้าวมหาชัย เจ้าเมืองมหาสารคามคนแรกได้รวบรวมไพร่พลจากร้อยเอ็ดมาตั้งเมืองใหม่ได้สร้างหลักเมืองและอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองมาประทับเพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองนับเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ชาวจังหวัดมหาสารคามให้ความเคารพนับถือกันมาก




































Comments:

ศาลากลางเก่า จ. มหาสารคาม

หลังจากที่จังหวัดมหาสารคามได้สร้างศาลากลางหลังใหม่และได้ย้ายที่ทำการของส่วนราชการเกือบทั้งหมดไปที่ศาลากลางใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ถนนเลี่ยงเมืองต.แวงน่าง อ.เมือง จ.มหาสารคาม ก็ทำให้ศาลากลางหลังเก่าเงียบเหงาไปถนัดตา  แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คือความสวยงามของตัวอาคารและบริเวณรอบ ๆ ที่มีการดูแลเป็นอย่างดี… วันนี้ขอนำท่านมาชมภาพสวยๆ ที่ควรรักษาเอาไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาและช่วยกันรักษามันเอาไว้




















Comments:

หอนาฬิกา จ. มหาสารคาม

หอนาฬิกาตั้งอยู่บริเวณสี่แยกกลางเมืองมหาสารคาม หอนาฬิกานี้นอกจากจะทำหน้าที่บอกเวลาแล้วยังทำหน้าที่ทำนายความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง
ที่นี่เป็นแหล่งศูนย์กลางใจกลางเมืองมหาสารคาม รู้สึกความเป็นมหาสารคาม ที่ติดกับศาลากลางหลังเก่า ชาวเมืองมหาสารคามต้องร่วมมือกันรักษาเอาไว้

ประวัติความเป็นมา จ.มหาสารคามได้รับการแต่งตั้งเป็นเมือง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2408 แต่ก่อนจะตั้งเป็นเมืองมหาสารคามนั้น บริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์มานาน บางยุค บางสมัยก็รุ่งเรือง บางยุคสมัยก็เสื่อมโทรม ตามบันทึกของหลวงอภิสิทธิ์สารคาม (บุดดี) ตลอดจนประวัติศาสตร์ภาคอีสานและเมืองมหาสารคาม ของ บุญช่วย อัตถากร ระบุว่า ท้าวมหาชัย (กวด) พาผู้คนออกจากเมืองร้อยเอ็ดมาทางทิศตะวันตก ประมาณ 1,000 เส้น จึงหยุดตั้งอยู่บริเวณที่ดอน แต่ราษฎรนิยมเรียกว่า “วัดข้าวฮ้าว” อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน เห็นว่าขาดแคลนแหล่งน้ำ จึงย้ายมาตั้งระหว่างกุดยางใหญ่กับหนองท่ม ซึ่งเป็นที่ชุมชนที่มีผู้อาศัยอยู่บ้างแล้ว คือ บ้านจาน ประกอบกับห่างออกไปเล็กน้อยก็เป็นห้วยตะคาง จึงนับว่าเป็นชัยภูมิที่มีแหล่งน้ำสมบูรณ์ เมืองมหาสารคามเมื่อแรกตั้งอยู่ในความดูแลบังคับบัญชาของพระขัติยวงษา (จัน) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นผู้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอรับพระราชทาน “บ้านลาด กุดยางใหญ่” เป็นเมือง ของท้าวมหาชัย (กวด) เป็นเจ้าเมือง

ราชสำนักได้มีสารตรามาถึงพระขัติยวงษา (จัน) ลงวันอังคาร เดือน 10 ขึ้น 1 ค่ำ ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช 1227 ซึ่งตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2408 ดังข้อความตอนหนึ่งว่า

จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ซึ่งเจ้าพระยาภูธราภัย ฯ พร้อมกับเจ้าพระยานครราชสีมาไล่เลียงแลทำแผนที่เมืองจะตั้งใหม่ เห็นการไม่เกี่ยวข้องแก่บ้าน แก่เมืองใดแล้ว จึงโปรดเกล้า ฯ ขนานนามบ้านลาดกุดยางไย เป็นเมืองมหาษาร ตามพระราชทานนามสัญญาบัติ ประทับพระราชลัญจกอร ตั้งท้าวมหาไชยเป็นที่พระเจริญราชเดช เจ้าเมือง ทำราชการขึ้นแก่เมืองร้อยเอ็ด ให้พระราชทานท้าวมหาไชย ผู้เป็นที่พระเจริญราชเดชเจ้าเมืองมหาสารคาม

เมืองมหาสารคาม นับเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของชาวอีสาน มีชุมชนโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านเชียงเหียน หมู่บ้านปั้นหม้อของชาวบ้านหม้อ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคามแหล่งโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนาก็มี พระธาตุนาดูน กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน กู่บ้านแดง อำเภอวาปีปทุม ปรางค์กู่ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคาม ที่น่ามาศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง


ปัจจุบันจังหวัดมหาสารคามเป็นเมือง ตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวเมืองตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวอีสาน มีทั้ง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม วิทยาลัยพลศึกษา วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยอาชีวศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาอุดมศึกษาของภาคเอกชน ซึ่งในช่วงเปิดภาคเรียนจังหวัดมหาสารคาม จะครึกครื้นไปด้วยนักศึกษาจากต่างถิ่นที่มาศึกษาหาความรู้จากสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดมหาสารคาม


                           


                           








Comments: